วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554

เพื่อนสนิท

       งานเลี้ยงรวมรุ่นปีนี้ต่างกับปีก่อน ปีนี้มีงานตอนกลางคืนและพักแรมกันคืนหนึ่ง จึงมีเวลาพูดคุยกันนานหน่อย ตอนที่เพื่อนๆทะยอยมากันก็ทักทายโหวกเหวกดังลั่นเหมือนว่าเราเพิ่งเรียนจบแล้วกลับมาเจอกันอีกที ไม่มีความแตกต่างกันเลยไม่ว่าใครจะมีตำแหน่งอะไร มีคำนำหน้าว่าอะไร หรือสวมหัวอะไรอยู่ ดังนั้นจะได้ยินคำทักทายหลายแบบ
     "มีหลานหรือยังละ" นี่คำถามยอดนิยมเลยหละ
     "เฮ้ เพื่อน ดีใจจังเลยที่มา เพื่อนๆถามถึงทุกปีแนะ" ก็คงจะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกละซิ เขาถึงทักทายอย่างนี้ คราวต่อไปก็อย่าขาดละ
     "สวัสดีเพื่อน สบายดีหรือเปล่า เชิญ เชิญเข้ามาข้างใน"ไม่อยากบอกเลยว่าคำทักทายนี้มันช่างมีมารยาทเหินห่างจริงๆ นี่สมัยเรียนอยู่คงไม่ค่อยเอาเพื่อนเอาฝูง แล้วมันจะสนุกมั้ยนี่ คราวหน้าจะมาดีหรือไม่มาดี
    "-----"ไม่ทักไม่ทายกันซ้กคำ แต่โผเข้ากอดกันแน่น ช่างประทับใจจริงๆทำเอาผู้พบเห็นถึงกับน้ำตาคลอ คงคิดถึงกันและดีใจมากที่ได้มาเจอกัน แต่ถ้าใครมีหูทิพย์จะได้ยินว่า หมอนี่มันชื่อไรวะ นึกไม่ออกไม่รู้ว่าจะทักมันว่าไรดี กอดไว้ก่อนละกัน
    "เฮ้ มาแล้วคนนิสัยไม่ดี เอาเพื่อนมาเป็นเมีย" แปลว่าแต่งงานกับเพื่อนร่วมรุ่น คิดว่าดีนะที่เพื่อนกลายเป็นคนรักและแต่งงานกัน เพราะถ้าขัดแย้งกันทะเลาะกันและเลิก ความเป็นสามีภรรยาหมดไปแต่ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ ยังพูดคุยกัน ช่วยเหลือและดูแลกันในฐานะเพื่อน(เคย)สนิท
     หลังจากนั้นก็พูดคุยเฮฮากันในเรื่องต่างๆ บางคนยังมองหาเพื่อนที่เคยสนิทเป็นพิเศษว่ามาหรือยัง มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย เพื่อนบางคนก็กล้าบอกเพื่อนว่าสมัยนั้นฉันแอบชอบเธอนะ อ้าวแล้วตอนนั้นทำไมไม่บอกละ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย...ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน...ถ้ากล้าๆบอกตอนนั้นซะ ตอนนี้เราคง..เลิกกันและเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น