สมชาย เป็นคนหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนๆทั้งชายและหญิง เขาหน้าตาดี หุ่นดี เป็นนักกีฬา แถมยังเรียนเก่งอีกต่างหาก จึงมีเพื่อนหญิงหลายคนให้ความสนใจ บางคนก็แอบชอบ บางคนก็ชอบอย่างเปิดเผย แต่เขาก็ไม่สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ จนเพื่อนสาวบางคนบอกว่าเขาหยิ่ง ถือตัว ซึ่งจริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ความจริงก็คือเขาอยู่โรงเรียนชายล้วนมาตลอดเลยไม่ค่อยกล้าพูดคุยกับผู้หญิง สงสัยแม่คงไม่ให้คุยกับคนแปลกหน้า ในห้องเดียวกัน คนที่เรียนเก่งพอๆกับเขาบางครั้งก็เก่งกว่ากลับเป็นผู้หญิง ผู้หญิงที่ดูจะตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่าง เธอร่าเริง ไม่สวยแต่ดูดีมีบุคคลิกที่ผู้ชายไม่กล้าจีบ แต่เธอก็มีเพื่อนสนิททั้งชายและหญิงพอๆกัน ไม่ค่อยตั้งใจเรียน โดดเรียนเป็นประจำ แต่พอสอบเธอกลับทำได้ดี เรื่องสนุกๆก็เกิดขึ้นเมื่อสมชายเกิดปิ้งเธอเข้า ชายหนุ่มผู้เพียบพร้อมสนใจเธอ อุไร ซึ่งไม่มีอะไรโดดเด่นเลย เวลาเรียนเขาก็แอบมอง บางวันก็พยายามนั่งเก้าอี้ที่อยู่ด้านหลังเธอ บ่อยๆเข้าชักมีคนสังเกตุ เพื่อนๆเริ่มแซวทำให้สมชายกับอุไรเป็นที่สนใจและพูดถึงกันอย่างกว้างขวาง วันนั้นเป็นวันเกิดของอุไร เธอกับเพื่อนจะโดดเรียนไปดูหนัง มีคนหนึ่งเสนอว่าชวนสมชายไปด้วยสิ เผื่อจะมีอะไรดีๆ วันนั้นสมชายโดดเรียนเป็นครั้งแรก ไปดูหนังกันกลุ่มใหญ่ แน่นอนทั้งคู่นั่งติดกัน พอหนังจบต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
รุ่งขึ้นเพื่อนๆของอุไรต่างรุมล้อม เมื่อวานนี้เป็นไงอยากรู้ อุไรถอนหายใจสงสัยลืมขออนุญาตแม่ว่าพูดกับคนแปลกหน้าได้มั้ย เขาดูหนังเงียบตั้งแต่ต้นจนจบ บางคนเก็บเอาความสงสัยไปถาม เขาตอบว่าไงรู้มั้ย เขาบอกว่าก็เขาชวนไปดูหนังนี่ครับ ขืนคุยกันหนังก็ไม่ได้ดูนะซี เออมึงฉลาด
ผ่านไปปีหนึ่ง เหตุการณ์ก็เป็นไปปกติ ทั้งคู่คุยกันบ้างแต่ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ พอเรียนวิชาเกษตรที่ว่าทุกคนจะต้องขุดแปลงปลูกผักกันทุกคน สมชายก็ไม่ต่างกับหนุ่มอื่นๆที่มีแฟนหรือกำลังเล็งกันอยู่ เขาแอบขุดแปลงเกษตรให้อุไรในตอนกลางคืน วีรกรรมครั้งนี้สร้างพระเอกขึ้นหลายคน สมชายก็เป็นหนึ่งในนั้น ทั้งคู่เหมือนจะดูไปได้ดี แต่พอขึ้นปีสุดท้าย หลายๆคนต่างสงสัย สมชายไปจีบสาวเรียบร้อยคนหนึ่ง ควงกันอย่างเปิดเผยอยู่ไม่นาน ก็เปลียนไปจีบอีกคน ตอนนี้แม่คงให้พูดกับคนแปลกหน้าแล้ว จนเรียนจบแยกย้ายกันไป ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสมชายกับอุไร
เมื่อมาเจอกันในงานเลี้ยงรุ่น ทั้งคู่ก็มาพบกันหลังจากแยกย้ายกันไป ต่างก็แต่งงานมีครอบครัวที่น่ารัก และยังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
"นี่ บอกหน่อยได้มั้ยทำไมตอนนั้นเธอถึงเลิกกันละ" ลูกคนช่างถามถามขึ้นมาเมื่อทั้งคู่นั่งร่วมโต๊ะกัน
"ใช่ๆ เล่าให้ฟังหน่อย"เสียงสนับสนุนหลายเสียงอยู๋
"ให้อุไรเขาเล่าแล้วกัน" ทุกคนหันมาทางอุไร ว่าไงๆ
"ที่จริง ตอนนั้นชั้นก็ชอบเธอนะ ชอบมากด้วย"
"แล้วมัยเลิกกัน"
"ชั้นเสียดายความเป็นเพื่อน ถ้าเราเป็นเพื่อนกัน เราจะรักกันตลอดไป แต่ถ้าเป็นแฟนกัน เราอาจเลิกกัน โกรธกัน ไม่พูดกัน ไม่ดีเหรอ ตอนนี้เราก็ยังเป็นเพื่อน เพื่อนรัก รักกันทุกปีตอนวันเลี้ยงรุ่นไง"
ก็จริงของเธอแต่ถ้าอุไรไม่แอบกระซิบอะไรบางอย่าง ก็คงหลงชื่นชมอุไรว่าเธอช่างเข้าใจความหมายของคำว่า รักเพื่อน เพื่อนรัก อย่างลึกซึ้ง
เธอแอบกระซิบว่า
" แกไม่รู้อะไร พอใกล้ชิดกันชั้นก็เห็นว่าเขาขาโก่งมากเลยนะ ถ้าแต่งงานมีลูก แล้วลูกขาโก่งชั้นจะทำไงละ"
แต่เราก็เห็นว่าทั้งคู่ยังคงเป็นเพื่อนรักกันตลอดมา และขอให้เป็นเพื่อนกันตลอดไป
วันเสาร์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2554
เข้าใจผิด
วันหนึ่ง เพื่อนคนหนึ่งโทรศัพท์แจ้งว่าลูกสาวจะแต่งงาน เพื่อนคนนี้ตอนที่ยังเรียนอยู่เธอสวยมาก มีชายหนุ่มมารุมล้อมจีบเธออยู่หลายคน ทั้งรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ และอาจารย์หนุ่มๆก็ไม่เว้น ลูกสาวของเธอก็คงสวยน่ารักไม่น้อยกว่าเธอแน่นอน พวกเพื่อนๆต่างก็นัดหมายชักชวนกันไปพร้อมหน้าพร้อมตา หมายถึงว่าพวกเราก็จะได้พบปะสังสรรค์กันไปด้วย เป็นดังที่คาดไว้ พอไปถึงโรงแรมที่จัดเลี้ยง เจ้าภาพเหมือนจะรู้ใจ จัดโต๊ะให้นั่งด้วยกันติดๆกัน 3 โต๊ะ แรกๆก็ยังสนใจในพิธีงานแต่งกันดีอยู่ ชี้ชวนกันดูเจ้าสาวคนสวยกับเจ้าบ่าวสุดหล่อ ดูน่ารักเหมาะสมกันดี เมื่อเสร็จพิธีการทั้งหลาย บริกรเริ่มเสริฟอาหารและเครืองดึ่ม งานแต่งงานก็กลับกลายเป็นงานเลี้ยงรวมรุ่นย่อยๆเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้แต่เเม่ของเจ้าสาว
งานนี้ ชายหนุ่มที่เคยพยายามจีบแม่เจ้าสาวก็มาด้วย ทั้งคู่จึงเป็นพระเอกนางเอกของวงสนทนา ดีที่พ่อของเจ้าสาววุ่นอยู่กับการทักทายแขกอื่นๆแต่ก็ไม่วายเหลือบมองเป็นระยะๆ ไม่ใช่หึงหวงอะไรหรอกเพราะเข้าใจว่าหยอกล้อตามประสาเพื่อน แต่เสียงเฮของแม่เจ้าสาวนี่คงจะรับไม่ค่อยได้ มีเพื่อนคนหนึ่งเปิดประเด็นว่าทำไมถึงจีบไม่ติด แกก็ดูดีนี่หว่า ตอนนั้นนะ
แม่เจ้าสาวบอกว่า "ดีแล้วที่ไม่ได้เลือก "
"ทำไมละ" หลายคนสงสัย
"ก็ดูมันตอนนี้ซิ" หลายคนหันมามองพร้อมกัน เออจริงด้วยซิ คำพูดที่ว่าแกก็ดูดีนี่หว่าตอนนั้นนะ มันเฉพาะ ตอนนั้นจริงๆ
ความจริงที่เกิดขึ้นจึงออกมาจากปากของแม่เจ้าสาวหลังจากเครื่องดึ่มเปลี่ยนนิสัยผ่านไปหลายแก้ว เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจ ตอนที่เราเรียน จะมีวิชาเกษตรกรรม ทุกคนจะต้องทำแปลงผัก โดยจะต้องขุดดินทำเป็นแปลงขึ้นมา สำหรับคนที่ไม่เคยจับจอบจับเสียมมาก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยละก้อ ยากมาก ดังนั้นงานที่แปลงเกษตรจึงเป็นที่เปิดเผยความในใจเหมือนกับการให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ไม่มีผิด โดยชายหนุ่มจะแอบไปขุดดินทำแปลงผักให้แฟนหรือคนที่จีบอยู่ในตอนกลางคืน
"แกไม่ได้ขุดแปลงผักให้ชั้น" แม่เจ้าสาวชี้หน้า ทุกคนเลยเงียบกริบ เออ สมน้ำหน้า เรื่องแค่นี้ไม่รู้จักทำเขาหันไปชอบคนอื่นนะถูกต้องแล้ว ทุกคนก็เลยคุยกันเรื่องวีรกรรมข้างแปลงผักกันอย่างออกรส ว่ามีใครไปขุดแปลงผักให้ใคร มีเพื่อนปากร้ายคนหนึ่งหันมาพูดกับเราว่า
"เธอคงไม่มีใครขุดให้ละซี้ เงียบเชียว"
"ผิดถนัด ชั้นคงมีเสน่ห์พอจนมีคนแอบชอบหละ มีคนขุดแปลงผักให้ชั้นด้วยละ"
"แล้วรู้มั้ยใครขุดให้" เพื่อนคนเดิมยังไม่ยอมเลิก
"ไม่รู้ ชั้นไม่กล้าถาม"
"แล้วตอนนี้รู้ยัง"
"ยัง" ไม่รู้จะถามเซ้าซี้ไปทำไม
"งั้นรู้แล้ว เขาคงขุดผิดแปลงนะ"
เพื่อนทุกคนเงียบไปพักหนึ่ง แล้วต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะกันจนทุกคนในงานหันมามองเป็นตาเดียว เราแอบเคืองนิดๆ รึจะจริงเหมือนเขาว่าขุดแปลงผิด โธ่ หลงเข้าใจผิดมาตั้ง 40 กว่าปีว่าเราก็มีคนมาชอบอยู่เหมือนกัน หมดกัน..ไม่เหลืออะไรเลย
งานนี้ ชายหนุ่มที่เคยพยายามจีบแม่เจ้าสาวก็มาด้วย ทั้งคู่จึงเป็นพระเอกนางเอกของวงสนทนา ดีที่พ่อของเจ้าสาววุ่นอยู่กับการทักทายแขกอื่นๆแต่ก็ไม่วายเหลือบมองเป็นระยะๆ ไม่ใช่หึงหวงอะไรหรอกเพราะเข้าใจว่าหยอกล้อตามประสาเพื่อน แต่เสียงเฮของแม่เจ้าสาวนี่คงจะรับไม่ค่อยได้ มีเพื่อนคนหนึ่งเปิดประเด็นว่าทำไมถึงจีบไม่ติด แกก็ดูดีนี่หว่า ตอนนั้นนะ
แม่เจ้าสาวบอกว่า "ดีแล้วที่ไม่ได้เลือก "
"ทำไมละ" หลายคนสงสัย
"ก็ดูมันตอนนี้ซิ" หลายคนหันมามองพร้อมกัน เออจริงด้วยซิ คำพูดที่ว่าแกก็ดูดีนี่หว่าตอนนั้นนะ มันเฉพาะ ตอนนั้นจริงๆ
ความจริงที่เกิดขึ้นจึงออกมาจากปากของแม่เจ้าสาวหลังจากเครื่องดึ่มเปลี่ยนนิสัยผ่านไปหลายแก้ว เธอเล่าถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเปลี่ยนใจ ตอนที่เราเรียน จะมีวิชาเกษตรกรรม ทุกคนจะต้องทำแปลงผัก โดยจะต้องขุดดินทำเป็นแปลงขึ้นมา สำหรับคนที่ไม่เคยจับจอบจับเสียมมาก่อน โดยเฉพาะผู้หญิงด้วยละก้อ ยากมาก ดังนั้นงานที่แปลงเกษตรจึงเป็นที่เปิดเผยความในใจเหมือนกับการให้ดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์ไม่มีผิด โดยชายหนุ่มจะแอบไปขุดดินทำแปลงผักให้แฟนหรือคนที่จีบอยู่ในตอนกลางคืน
"แกไม่ได้ขุดแปลงผักให้ชั้น" แม่เจ้าสาวชี้หน้า ทุกคนเลยเงียบกริบ เออ สมน้ำหน้า เรื่องแค่นี้ไม่รู้จักทำเขาหันไปชอบคนอื่นนะถูกต้องแล้ว ทุกคนก็เลยคุยกันเรื่องวีรกรรมข้างแปลงผักกันอย่างออกรส ว่ามีใครไปขุดแปลงผักให้ใคร มีเพื่อนปากร้ายคนหนึ่งหันมาพูดกับเราว่า
"เธอคงไม่มีใครขุดให้ละซี้ เงียบเชียว"
"ผิดถนัด ชั้นคงมีเสน่ห์พอจนมีคนแอบชอบหละ มีคนขุดแปลงผักให้ชั้นด้วยละ"
"แล้วรู้มั้ยใครขุดให้" เพื่อนคนเดิมยังไม่ยอมเลิก
"ไม่รู้ ชั้นไม่กล้าถาม"
"แล้วตอนนี้รู้ยัง"
"ยัง" ไม่รู้จะถามเซ้าซี้ไปทำไม
"งั้นรู้แล้ว เขาคงขุดผิดแปลงนะ"
เพื่อนทุกคนเงียบไปพักหนึ่ง แล้วต่างพากันระเบิดเสียงหัวเราะกันจนทุกคนในงานหันมามองเป็นตาเดียว เราแอบเคืองนิดๆ รึจะจริงเหมือนเขาว่าขุดแปลงผิด โธ่ หลงเข้าใจผิดมาตั้ง 40 กว่าปีว่าเราก็มีคนมาชอบอยู่เหมือนกัน หมดกัน..ไม่เหลืออะไรเลย
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2554
เพื่อนสนิท
งานเลี้ยงรวมรุ่นปีนี้ต่างกับปีก่อน ปีนี้มีงานตอนกลางคืนและพักแรมกันคืนหนึ่ง จึงมีเวลาพูดคุยกันนานหน่อย ตอนที่เพื่อนๆทะยอยมากันก็ทักทายโหวกเหวกดังลั่นเหมือนว่าเราเพิ่งเรียนจบแล้วกลับมาเจอกันอีกที ไม่มีความแตกต่างกันเลยไม่ว่าใครจะมีตำแหน่งอะไร มีคำนำหน้าว่าอะไร หรือสวมหัวอะไรอยู่ ดังนั้นจะได้ยินคำทักทายหลายแบบ
"มีหลานหรือยังละ" นี่คำถามยอดนิยมเลยหละ
"เฮ้ เพื่อน ดีใจจังเลยที่มา เพื่อนๆถามถึงทุกปีแนะ" ก็คงจะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกละซิ เขาถึงทักทายอย่างนี้ คราวต่อไปก็อย่าขาดละ
"สวัสดีเพื่อน สบายดีหรือเปล่า เชิญ เชิญเข้ามาข้างใน"ไม่อยากบอกเลยว่าคำทักทายนี้มันช่างมีมารยาทเหินห่างจริงๆ นี่สมัยเรียนอยู่คงไม่ค่อยเอาเพื่อนเอาฝูง แล้วมันจะสนุกมั้ยนี่ คราวหน้าจะมาดีหรือไม่มาดี
"-----"ไม่ทักไม่ทายกันซ้กคำ แต่โผเข้ากอดกันแน่น ช่างประทับใจจริงๆทำเอาผู้พบเห็นถึงกับน้ำตาคลอ คงคิดถึงกันและดีใจมากที่ได้มาเจอกัน แต่ถ้าใครมีหูทิพย์จะได้ยินว่า หมอนี่มันชื่อไรวะ นึกไม่ออกไม่รู้ว่าจะทักมันว่าไรดี กอดไว้ก่อนละกัน
"เฮ้ มาแล้วคนนิสัยไม่ดี เอาเพื่อนมาเป็นเมีย" แปลว่าแต่งงานกับเพื่อนร่วมรุ่น คิดว่าดีนะที่เพื่อนกลายเป็นคนรักและแต่งงานกัน เพราะถ้าขัดแย้งกันทะเลาะกันและเลิก ความเป็นสามีภรรยาหมดไปแต่ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ ยังพูดคุยกัน ช่วยเหลือและดูแลกันในฐานะเพื่อน(เคย)สนิท
หลังจากนั้นก็พูดคุยเฮฮากันในเรื่องต่างๆ บางคนยังมองหาเพื่อนที่เคยสนิทเป็นพิเศษว่ามาหรือยัง มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย เพื่อนบางคนก็กล้าบอกเพื่อนว่าสมัยนั้นฉันแอบชอบเธอนะ อ้าวแล้วตอนนั้นทำไมไม่บอกละ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย...ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน...ถ้ากล้าๆบอกตอนนั้นซะ ตอนนี้เราคง..เลิกกันและเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว
"มีหลานหรือยังละ" นี่คำถามยอดนิยมเลยหละ
"เฮ้ เพื่อน ดีใจจังเลยที่มา เพื่อนๆถามถึงทุกปีแนะ" ก็คงจะเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกละซิ เขาถึงทักทายอย่างนี้ คราวต่อไปก็อย่าขาดละ
"สวัสดีเพื่อน สบายดีหรือเปล่า เชิญ เชิญเข้ามาข้างใน"ไม่อยากบอกเลยว่าคำทักทายนี้มันช่างมีมารยาทเหินห่างจริงๆ นี่สมัยเรียนอยู่คงไม่ค่อยเอาเพื่อนเอาฝูง แล้วมันจะสนุกมั้ยนี่ คราวหน้าจะมาดีหรือไม่มาดี
"-----"ไม่ทักไม่ทายกันซ้กคำ แต่โผเข้ากอดกันแน่น ช่างประทับใจจริงๆทำเอาผู้พบเห็นถึงกับน้ำตาคลอ คงคิดถึงกันและดีใจมากที่ได้มาเจอกัน แต่ถ้าใครมีหูทิพย์จะได้ยินว่า หมอนี่มันชื่อไรวะ นึกไม่ออกไม่รู้ว่าจะทักมันว่าไรดี กอดไว้ก่อนละกัน
"เฮ้ มาแล้วคนนิสัยไม่ดี เอาเพื่อนมาเป็นเมีย" แปลว่าแต่งงานกับเพื่อนร่วมรุ่น คิดว่าดีนะที่เพื่อนกลายเป็นคนรักและแต่งงานกัน เพราะถ้าขัดแย้งกันทะเลาะกันและเลิก ความเป็นสามีภรรยาหมดไปแต่ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ ยังพูดคุยกัน ช่วยเหลือและดูแลกันในฐานะเพื่อน(เคย)สนิท
หลังจากนั้นก็พูดคุยเฮฮากันในเรื่องต่างๆ บางคนยังมองหาเพื่อนที่เคยสนิทเป็นพิเศษว่ามาหรือยัง มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย เพื่อนบางคนก็กล้าบอกเพื่อนว่าสมัยนั้นฉันแอบชอบเธอนะ อ้าวแล้วตอนนั้นทำไมไม่บอกละ...ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย...ว่าเพื่อนคนหนึ่งมันแอบคิดอะไรไปไกลกว่าเป็นเพื่อนกัน...ถ้ากล้าๆบอกตอนนั้นซะ ตอนนี้เราคง..เลิกกันและเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว
วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2554
BOOK STORE
วันนี้ไม่มีไฟฟ้าเนื่องจากการไฟฟ้าเปลี่ยนสายไฟฟ้า ไฟฟ้าจะดับตั้งแต่เช้าถึงเย็น เหตุการณ์แบบนี้ถือเป็นอุปสรรคอย่างยิ่งในชีวิตประจำวัน เด็กๆที่ทำงานบอกว่าทำงานไม่ได้หรอกเดี๋ยวจะปวดตาปวดหัว เลยบอกว่าใครอยากปวดกระเป๋าตังค์มั่งก็หยุดได้นะ เงียบเลยทีนี้ แสดงว่ากระเป๋าตังค์ใจเสาะกว่าเพื่อน ตากับหัวยังอดทนได้ จึงฉวยโอกาสอบรม"คุณหนู"ทั้งหลายให้พอใจกับธรรมชาติ ปกติจะเรียกเด็กที่ทำงานว่าคุณหนู ก็จริงนี่นาเราต้องทำงานเลี้ยงดูเขา(หรือเขาทำงานเลี้ยงดูเรา ไม่แน่ใจ) พอวันสิ้นเดือนต้องจ่ายซองครบทุกคน จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราละจะทำอะไรดี งานที่ทำด้วยปาก(เคยได้ยินเขานินทา)ก็ทำแล้ว ออกไปข้างนอกดีกว่าไฟฟ้าดับ ทำงานไม่ได้ ว่าแล้วก็ออกไปเลย จะพูดตามภาษาเด็กสมัยนี้ว่าไป ลั้ล ลา ก็ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วมันแปลว่าอะไร เอาเป็นว่าไปหาอะไรสนุกๆทำดีกว่า
ร่อนเร่ไปตามท้องถนนซักพักบังเอิญผ่านร้านหนังสือขนาดใหญ่ร้านหนึ่งมีป้ายลดราคาประจำปี 50% นี่แหละ จุดหมายปลายทางวันนี้ เข้าไป ลั้ล ลา กันได้เลย การเข้าร้านหนังสือเราจะมีเทคนิคพิเศษ ลอกเลียนแบบได้ ไม่ห้าม ก่อนอื่นต้องดูตรงชั้นหนังสือแนะนำและหนังสือขายดีเป็นอันดับแรก เพื่อจะดูว่าช่วงนี้คนดังเขาเขียนอะไร มีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ชาวบ้านสนใจเรื่องอะไร จะได้ไม่ตกรถไฟไงละ(ตกเทรนด์นะ)แล้วก็หยิบดูเปิดอ่านผ่านๆให้มากที่สุด ทีนี้เราก็เริ่มรู้เท่าทันคนอื่นแล้วใช่มั้ยละ สนใจเล่มไหนเป็นพิเศษยัง อย่าเพิ่งตัดสินใจ ไปดูเรื่องราวที่เราชอบและอยากอ่าน เรื่องที่ชอบก็มีมากด้วยซี ที่ชอบมากจะเป็นพวกประวัติศาสตร์ ตำนานต่างๆ ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ความสนใจก็แคบลง มีหลายเล่มอ่านทุกเล่ม ถือคติว่าซื้อหนึ่งต้องได้อ่านสิบ เรื่องชอบถัดมาก็เป็นประเภทหลักการดำรงชีวิต มีคติธรรมแฝง เดี๋ยวนี้มีนักเขียนเขียนได้น่าอ่านมาก ถึงตอนนี้ก็แทบจะหมดวันแล้ว ป่านนี้ไฟฟ้าคงจะมาแล้ว เลยขอแวะอีกหนึ่งแผนกที่ชอบคือหนังสือธรรมะ เดี๋ยวนี้มีนักเขียนทั้งพระและฆราวาสเขียนกันเยอะแยะมาก ถ้าเราเลือกดีๆอ่านแล้วเหมือนช่วยเราย่นเวลาศึกษาธรรมะ บอกไม่ถูก อ่านแล้วรู้สึกดี
วันนี้เลือก(แล้วเลือกอีก)ได้ 3 เล่มคือ เรื่องน่ารู้คู่ล้านนา ชีวิตเปลี่ยนได้แต่ไม่รับคืนและพรุ่งนี้หรือโลกหน้าอะไรจะมาถึงก่อนกัน อ่านจบแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง ได้หนังสือแล้วไปจ่ายเงิน พนักงานบอกว่าหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ไม่อยู่ในรายการโปรโมชั่นค่ะ ราคารวมแล้ว 555.บาทค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ลั้ล ลา
ร่อนเร่ไปตามท้องถนนซักพักบังเอิญผ่านร้านหนังสือขนาดใหญ่ร้านหนึ่งมีป้ายลดราคาประจำปี 50% นี่แหละ จุดหมายปลายทางวันนี้ เข้าไป ลั้ล ลา กันได้เลย การเข้าร้านหนังสือเราจะมีเทคนิคพิเศษ ลอกเลียนแบบได้ ไม่ห้าม ก่อนอื่นต้องดูตรงชั้นหนังสือแนะนำและหนังสือขายดีเป็นอันดับแรก เพื่อจะดูว่าช่วงนี้คนดังเขาเขียนอะไร มีเรื่องราวอะไรใหม่ๆ ชาวบ้านสนใจเรื่องอะไร จะได้ไม่ตกรถไฟไงละ(ตกเทรนด์นะ)แล้วก็หยิบดูเปิดอ่านผ่านๆให้มากที่สุด ทีนี้เราก็เริ่มรู้เท่าทันคนอื่นแล้วใช่มั้ยละ สนใจเล่มไหนเป็นพิเศษยัง อย่าเพิ่งตัดสินใจ ไปดูเรื่องราวที่เราชอบและอยากอ่าน เรื่องที่ชอบก็มีมากด้วยซี ที่ชอบมากจะเป็นพวกประวัติศาสตร์ ตำนานต่างๆ ตอนนี้อยู่เชียงใหม่ความสนใจก็แคบลง มีหลายเล่มอ่านทุกเล่ม ถือคติว่าซื้อหนึ่งต้องได้อ่านสิบ เรื่องชอบถัดมาก็เป็นประเภทหลักการดำรงชีวิต มีคติธรรมแฝง เดี๋ยวนี้มีนักเขียนเขียนได้น่าอ่านมาก ถึงตอนนี้ก็แทบจะหมดวันแล้ว ป่านนี้ไฟฟ้าคงจะมาแล้ว เลยขอแวะอีกหนึ่งแผนกที่ชอบคือหนังสือธรรมะ เดี๋ยวนี้มีนักเขียนทั้งพระและฆราวาสเขียนกันเยอะแยะมาก ถ้าเราเลือกดีๆอ่านแล้วเหมือนช่วยเราย่นเวลาศึกษาธรรมะ บอกไม่ถูก อ่านแล้วรู้สึกดี
วันนี้เลือก(แล้วเลือกอีก)ได้ 3 เล่มคือ เรื่องน่ารู้คู่ล้านนา ชีวิตเปลี่ยนได้แต่ไม่รับคืนและพรุ่งนี้หรือโลกหน้าอะไรจะมาถึงก่อนกัน อ่านจบแล้วจะเล่าให้ฟังทีหลัง ได้หนังสือแล้วไปจ่ายเงิน พนักงานบอกว่าหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ไม่อยู่ในรายการโปรโมชั่นค่ะ ราคารวมแล้ว 555.บาทค่ะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ลั้ล ลา
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)